1. เขียนชื่อเรื่่องงานวิจัย (ที่นำเข้าห้องสอบมิดเทอม)
2. วัตถุประสงค์การวิจัย
3. สมมติฐานการวิจัย
4. จากสมมติฐานสามารถบ่งชี้
4.1 ตัวแปรตาม
4.2 ตัวแปรต้น
4.3 กลุ่มตัวอย่าง
4.4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
2. วัตถุประสงค์การวิจัย
3. สมมติฐานการวิจัย
4. จากสมมติฐานสามารถบ่งชี้
4.1 ตัวแปรตาม
4.2 ตัวแปรต้น
4.3 กลุ่มตัวอย่าง
4.4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. ชื่อวิทยานิพนธ์ : การพัฒนาและหาประสิทธิภาพบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม วิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ตอบลบ2. วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกมวิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกมวิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด
3. สมมติฐานการวิจัย
1.บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม วิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด ที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05
3.นักเรียนมีความพึงพอใจต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม วิชาภาษาไทยเรื่องมาตราตัวสะกดอยู่ในระดับมาก
4. จากสมมติฐานสามารถบ่งชี้
4.1 ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่
1.ตัวแปรต้น บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม วิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
2.ตัวแปรตาม ได้แก่
2.1 ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม วิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด
2.2 ผลสัมฤทธิ์การเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม วิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด
2.3 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด
3. ประชากรและการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากร เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปัญจทรัพย์ ดินแดงกรุงเทพมหานคร ประชากรทั้งหมด 250 คน จำนวน 5 ห้องเรียน ห้องเรียนละ 50 คน
2. กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปัญจทรัพย์ดินแดงกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการสุ่มห้องเรียนอย่างง่าย (Simple Random Sampling) จำนวน1ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 50 คน
4. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม เรื่องมาตราตัวสะกด วิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544
ในการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม โปรแกรมที่ใช้ในการจัดสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม วิชาภาษาไทยเรื่องมาตราตัวสะกดระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 คือ โปรแกรม Adobe Flash CS3
สมัครอันใหม่ก็ไม่ขึ้นอะ
ตอบลบของเทพพิทักษ์ ไชยสลี
ตอบลบ1. เขียนชื่อเรื่่องงานวิจัย
การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชา การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหา ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2. วัตถุประสงค์การวิจัย
2.1 เพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีกาคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2.2 เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2.3 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนหลังจากเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2.4 เพื่อหาความพึงพอใจต่อการใช้งานบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3. สมมติฐานการวิจัย
3.1 บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน E1/E2 เท่ากับ 80/80
3.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนหลังจากเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสูงกว่าก่อนเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่พัฒนาขึ้น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
3.3 ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้งานบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับมาก
4. จากสมมติฐานสามารถบ่งชี้
4.1 ตัวแปรต้น
ช่วงระยะเวลาการเรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา
ปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งแบ่งเป็น ก่อนเรียนบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนและหลังเรียนบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอ
4.2 ตัวแปรตาม
คือ ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาล
โดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลโดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ห้องเรียนของโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย
4.3 กลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน ฤทธิยะวรรณาลัย ที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชาการ
เขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาล ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552 ได้มาโดยวิธีการสุ่มเลือกห้อง ซึ่งมีทั้งหมด 15 ห้อง โดยแบ่งเป็น ห้องเก่ง 4 ห้องและห้องปานกลาง 11ห้อง ซึ่งผู้วิจัยทำการสุ่มแบบเจาะจงโดยเลือกห้องปานกลาง หลังจากนั้นผู้วิจัยใช้วิธีสุ่มอย่างง่ายด้วยวิธีการจับฉลาก (Sample Random Sampling) ได้ 1 ห้องเรียน มีจำนวน 50 คน
4.4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในในการประเมินบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา
ปาสคาล โดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหา ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีรายละเอียดดังนี้
4.4.1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบ่งออกเป็น แบบทดสอบก่อนเรียน(Pretest)
และแบบทดสอบหลังเรียน (Posttest) ซึ่งเป็นข้อสอบชุดเดียวกัน ผู้วิจัยทำการสุ่มข้อสอบมาจากคลังข้อสอบที่ผ่านการประเมินเรียบร้อยแล้ว โดยเลือกมาวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมละ1 ข้อ
4.4.2 แบบทดสอบวัดประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 มีดังนี้
4.4.2.1 แบบทดสอบเมื่อเรียนจบในแต่ละบทเรียนเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือกที่มีคำตอบที่
ถูกเพียงข้อเดียว และคะแนนจากการตรวจแบบฝึกหัดการคิดแก้ปัญหาในแต่ละบทเรียน สำหรับหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 ตัวแรก
4.4.2.2 แบบทดสอบรวมหลังเรียนครบทุกหน่วยการเรียน เป็นทดสอบที่ใช้ให้
ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 ตัวหลัง ซึ่งเป็นแบบทดสอบเดียวกับแบบทดสอบก่อนเรียน (Pretest)
4.4.3 แบบประเมินด้านคุณภาพของการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาการเขียน
โปรแกรมด้วยภาษาปาสคาล โดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหา ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 2 ฉบับ คือ แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหา และแบบประเมินคุณภาพด้านเทคนิค
4.4.4 แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียน จากการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
วิชาการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาล โดยใช้ทฤษฎีการคิดแก้ปัญหาผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้วิจัยได้อ้างอิงจากงานวิจัยเรื่อง การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยใช้เทคนิค STAD วิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงของนางสาววลัยพร ดวงดี: 2551
อันข้างบนเป็นของหนูนะค่ะอาจารย์ เทพพิทักษ์ ไชยสลี
ตอบลบ1. วิทยานิพนธ์ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดีย
ตอบลบเรื่อง การใช้ระบบเมล์ Lotus Notes
2. วัตถุประสงค์การวิจัย
2.1 เพื่อสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดีย โดยใช้การพัฒนา
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดีย เรื่อง การใช้ระบบเมล์ Lotus Notes ของ
พนักงานฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
2.2 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดีย โดยใช้
การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดีย เรื่อง การใช้ระบบเมล์ Lotus Notes
2.3 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของผู้เรียนด้วยการพัฒนาบทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดีย เรื่อง การใช้ระบบเมล์ Lotus Notes
3. สมมติฐานของการวิจัย
3.1 ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดียช่วยเสริมการ
ฝึกอบรมการใช้ระบบเมล์ Lotus Notes ของพนักงานฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง
บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ที่สร้างขึ้นมีค่าสูงกว่าหรือเท่ากับเกณฑ์ที่กำหนดอย่างน้อย 80/80
3.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการฝึกอบรมหลังการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรม
ระบบมัลติมีเดียช่วยเสริมการฝึกอบรมการใช้ระบบเมล์ Lotus Notes ของพนักงานฝ่ายพัฒนา
ธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทาง
สถิติที่ระดับ .05
4. จากสมมติฐานสามารถบ่งชี้
4.1 ตัวแปรตาม พนักงานฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง ของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
4.2 ตัวแปรต้น การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดียเรื่อง การใช้ระบบเมล์ Lotus Notes
4.3 กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานฝ่ายบริหารโครงการก่อสร้าง จำนวน 1 แผนก 30 คน
ของบมจ.เซ็นทรัลพัฒนา คัดเลือกโดยใช้การเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
4.4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย
4.4.1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้แบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยใช้บทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดีย เรื่อง การใช้ระบบเมล์ Lotus Notes
4.4.2 บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมระบบมัลติมีเดีย เรื่อง การใช้ระบบเมล์ Lotus Notes
4.4.3 แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
4.4.4 ประเมินผลบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรม